สมเด็จโค-ทำไมคนในโลกจึงเพิ่มขึ้น
- Details
- Category: โอวาทสมเด็จโต_cat
- Published on Wednesday, 24 April 2024 13:55
- Written by Super User
- Hits: 11
ทำไมคนในโลกจึงเพิ่มขึ้น
ศาสตราจารย์ ดร.อุทิศ นาคสวัสดิ์ : ผมอยากจะถามปัญหาธรรมะบางอย่าง คือ ปัญหาเกี่ยวกับการเวียนเกิดเวียนตายนี่เป็นไปตามกฎแห่งกรรมใช่ไหมครับ คือผู้ใดกระทำกรรมใดแล้วก็ต้องไปเกิดใหม่ตามกรรมที่กระทำมา
ทีนี้สงสัยว่า เหตุใดเวียนว่ายตายเกิดแล้วพลเมืองจึงมากขึ้นทุกที ถ้าจะว่าพวกสัตว์ทำบุญบารมีขึ้นมาเป็นมนุษย์ พวกสัตว์ก็เห็นมากขึ้นด้วย ถ้าจะว่าพวกเทวดาหมดบุญจุติลงมาเป็นมนุษย์ ก็เห็นเทวดามากขึ้นด้วย ไม่ทราบว่าทำไมจึงมากขึ้นมาพร้อมๆ กัน เช่นนี้ครับ
สมเด็จ : เจริญพร ในปัญหาเรื่องการเกิดดับของสัตวโลกนั้น มันมีจุดอยู่ว่า เมื่อมนุษย์ทุกคนไม่สามารถปฏิบัติตนให้พ้นจากกฎแห่งการเป็นมนุษย์ปุถุชนแล้วไซร้ มนุษย์ผู้นั้นย่อมจะต้องตกอยู่ในกฎแห่งวัฏสงสาร ในการเวียนว่ายตายเกิด ในสภาวการณ์นั้นเหล่ อาตมาได้เทศน์เอาไว้ในกัณฑ์เปิดโลก ว่า เดิมทีวิญญาณอยู่ที่ศูนย์แห่งการเสวยอาภัสรเป็นอารมณ์ ครั้นได้รับทราบในละอองดินและง้วนนดิน จึงจุติมาในโลกแห่งสมมติที่เราพบกันว่าเป็นโลกมนุษย์นี้
ทีนี้เพราะเหตุใดเล่า เหล่าสัตว์ทั้งหลายจึงเพิ่ม ตามหลักแห่งความจริงแล้ว เหล่าสัตว์เหล่านี้ท่าน
อย่าลืม เหล่าอสุรกายก็ดี เหล่าผีเปรตก็ดี เหล่าเดรัจฉานทั้งหลายก็ดี ที่ตกอยู่ในนรกโลกนับเป็นกัปๆ กัลป์ๆ นั้น หมื่นกัปอสงไขยเป็นกี่ปี
สภาวการณ์เขาเหล่านี้ได้บำเพ็ญถึงจุดแห่งวาระกาลที่จุติมาในโลกมนุษย์ เพราะฉะนั้นสิ่งที่เพิ่มขึ้นมานี้เป็นสิ่งที่เหล่าวิญญาณที่บำเพ็ญมาตั้งแต่อดีตกาล ที่ตกอยู่ในนรกโลกได้เกิดขึ้นในยุคนี้ นี่คือภาวการณ์ทุกวันนี้
มนุษย์ในยุคปัจจุบันเข้าใจว่า มนุษย์ในยุคนี้เป็นมนุษย์แห่งความเจริญนั้นไซร้ ท่านอย่าหลงตนว่าในยุคแห่งการที่ท่านคิดว่าเป็นยุคแห่งความเจริญนี้ แท้ที่จริงก็คือเป็นยุคที่ท่านกำลังเวียนอยู่ในสิ่งแห่งความเสื่อมเมื่อล้านปีก่อน
เพราะฉะนั้นวิญญาณที่มาเกิดเหล่านี้เป็นวิญญาณแห่งเหล่าสัตว์ทั้งหลายที่ได้บำเพ็ญตน เพื่อที่ จะมาเกิดเป็นเหล่ามนุษย์ก็มี เป็นวิญญาณเหล่ามนุษย์ เหล่าสัตว์เหล่าอสุรกาย เหล่าผีเปรต เหล่าเทพพรหม ที่ต้องโทษมาเกิดก็มี
ดังนั้น การเพิ่มอีกทางหนึ่งก็คือ พรหมโลกส่งคนลงมาก็สูญหายจมอยู่ในวัฏฏะ เมื่อเทวโลกส่งคนลงมาก็สูญหายจมอยู่ในวัฏฏะ เขาเหล่านั้นเป็นเหล่าแห่งจิตวิญญาณทิพย์ที่ส่งมาทำงาน แต่มนุษย์ในโลกย่อมไม่รู้ ทีนี้เมื่อพรหมโลกก็ดี เทวโลกก็ดี ยมโลกก็ดี ส่งผู้ที่จะมาทำงานเพื่อยกระดับสัตวโลกในยุคใดก็แล้วแต่ เมื่อเขาเหล่านี้ไม่สามารถบำเพ็ญตนกลับไปสู่ที่เดิม ก็ย่อมเพิ่มอยู่ในสัตวโลกแห่งวัฏะนี้ ฉันใดก็ฉันนั้น
เพราะฉะนั้น ในการที่จะให้อาตมาอรรถาธิบายนี้ก็อยากจะอรรถาธิบายว่า มนุษย์ยุคปัจจุบันนี้ สัตวโลกยุคปัจจุบันนี้ที่เพิ่มมากขึ้นนั้น
ข้อที่หนึ่ง เกิดจากเหล่าผีเปรตอสุรกายทั้งหลายที่อยู่ในนรกโลก บำเพ็ญเป็นกัปๆ กัลป์ๆ ถูกปล่อยขึ้นมาเกิด
ในข้อที่สอง เกิดจากเหล่าเทพพรหม มีพรหมโลกก็ส่งลงมา เทวโลกก็ดีส่งลงมา เขาเหล่านี้มาถูกความปรุงแต่งแห่งกายเนื้อ แห่งการติดอยู่ในกิเลสแห่งโลกมนุษขย์ จึงบำเพ็ญตนให้สู่จุดแห่งความสะอาดกลับไปสู่พรหมโลกเทวโลกไม่ได้ เพราะฉะนั้นมนุษย์จึงเกิดเพิ่มมากขึ้น ดังที่เห็นอยู่ในขณะนี้
ดร.อุทิศ : โลกเวลานี้กำลังเป็นปัญหาเรื่องประชากร เนื่องจากเวลานี้พลเมืองใน โลก แล้วก็ทำให้คนคิดกันไปในทางต่างๆ บางคนก็หันออกไปนอกหลักสัจธรรม เช่น ประเทศญี่ปุ่นเวลานี้ถึงกับทำแท้งโดยไม่ผิดกฎหมาย ประเทศอเมริกาก็กำลังจะให้ทำแท้งโดยไม่ผิดกฎหมาย อันนี้มันเป็นการฆ่าคนโดยชัดแจ้ง และต่อไปถ้าหากว่ากิจการอย่างนี้มันแพร่ไปทั่วโลกก็เป็นที่น่ากลัวว่าโลกเรานี้คงจะไม่ได้มีความสุขสบายอย่างแต่ก่อน คงจะเป็นโลกแห่งการฆ่าคนเป็นแน่ คือการทำแท้งนี่มันก็เป็นบาปอย่างมหันต์
เพราะฉะนั้นถ้าหากเราคิดว่าจักรวาลนี้มันมีหลายจักรวาล การถ่ายเทระหว่างมนุษยภูมิ นรกภูมิ สวรรคภูมิ อะไรพวกนี้ ในระหว่างจักรวาลต่างๆ ถ้าหากเป็นไปได้แล้ว ก็อาจทำให้พลเมืองในโลกลดน้อยลงได้หรือไม่ครับ
สมเด็จ : คือในภาวะแห่งการถ่ายเทของการจุติของจิตวิญญาณนั้นแล้วไซร้ อาตมาก็ได้เคยบอกมาแล้วว่านรกโลกปัจจุบันนี้ไม่มีที่จะเก็บเหล่าวิญญาณชั่วทั้งหลายที่ตายจากโลกมนุษย์ไปสู่จุดแห่งการอยู่ในนรกโลก เพราะเหตุใดเล่า เพราะว่าการที่ทุกวันนี้ไม่มีสัจธรรม มนุษย์หลงอยู่ในกามคุณนั้น อันนี้เพราะว่า เกิดจากสภาวะเหล่าอสุรกาย เหล่าสัตว์เดรัจฉานขึ้นครองในโลกมนุษย์ เขาเรียกว่า ผู้นำโลกมนุษย์ไร้ศีลธรรมไชร้ โลกมนุษย์จะมีความร่มเย็นได้อย่างไรเล่า
ในการที่จะทำให้ไม่เกิด ในการที่จะต้องฆ่าวิญญาณที่จะมาเกิดอีกนั้น อยู่ที่ว่าเหล่าผู้นำในโลกมนุษย์มีสัจจะว่า “ข้านี้ยินดีที่จะสละตนเพื่อความจริงของสัจจะ ยอมตายเพื่อส่วนรวมแล้ว”อาตมาคิดว่าจุดก็คือ ให้เหล่ามนุษย์ทั้งหลายที่พอจะมีฉันทะในทางนี้หยุดฟัง คือจับให้เขามานั่งสมาธิ ให้จิตนิ่งพิจารณากายในกาย ตรวจขันธ์ในขันธ์เพื่อให้รู้แจ้งว่าการเป็นคนนั้นเป็นอย่างไร เอาอสุภะเป็นอารมณ์ให้รู้ว่ามนุษย์ทุกคนนี้ ไม่ว่าหญิงหรือชายจะต้องเกิดความเน่าเปื่อย ตายไปสู่การเป็นวัตถุของปฏิกูล สลายลงไปอยู่ตามเดิม กับโลกแห่งวัตถุในสมมตินี้ ภาวะแห่งการที่จะแก้ใขในจุดนี้ก็คือ ต้องมี
จุดที่หนึ่ง ผู้ที่มาเป็นผู้นำศาสนาไม่ใช่ผู้ที่มีกิเลสหนายิ่งกว่ากำแพงเมืองจีน
จุดที่สอง ผู้ที่จะเผยแผ่ศาสนาต้องเผยแผ่ให้ศาสนาเป็นศาสนาสงบ ไม่ใช่เผยแผ่ให้ศาสนาฟุ้ง แต่ต้องเผยแผ่ให้ถึงแก่นของศาสนา
จุดที่ถาม นักบวชจะต้องปฏิบัติตนเป็นนักบวชอันแท้จริง ให้เหล่าฆราวาสเห็นแล้วศรัทธาว่า เป็นผู้อยู่ในสัมมาอาชีวะชอบ การปฏิบัติเช่นนี้ย่อมมีความสงบ
พูดง่ายๆ มนุษย์ที่จะเกิดขึ้นมาได้นั้นด้องอาศัยเหตุและปัจจัยเป็นพลังแห่งการส่งเสริมให้เกิดขึ้น ก็คือวิญญาณ ก่อนที่จะปฏิสนธิในครรภ์นั้น จะต้องเกิดจากหญิงชายร่วมประเวณีแห่งสมมติของโลกมนุษย์ วิญญาณที่มีกรรมพัวพันจึงจะสามารถข้าถูกถึงจุดในกระแสนั้น คือเข้าปฏิสนธิในครรภ์มารดาได้
ถ้าเราฝึกให้ชายไม่ยึดมั่นในกามคุณ หญิงไม่ยึดในกามตัณหาแล้วไซร้ ลูกในท้องก็ย่อมเกิดน้อยลงได้ วิญญาณที่จะเกิดก็ย่อมถ่ายเทไปตามภาวะแห่งวิบากกรรมของการเสวยตนอยู่ในวิญญาณแห่งความเป็นทิพย์ได้ อันนี้มันต้องแก้ที่เหตุและปัจจัย ตามที่อาตมาได้เทศน์อรรถาธิบายมานี้แหล่พอจะเข้าใจไหม
ดร.อุทิศ : ถ้าอย่างนั้น การที่เขาตั้งโครงการคุมกำเนิดอะไรเช่นนี้ก็ต้องถือว่าเป็นบาปทั้งนั้น ถึงแม้ว่าจะไม่ทำแท้งก็ต้องถือว่าเป็นบาปทั้งนั้น เพราะเหตุว่าเป็นสัตวโลกถึงคราวที่จะต้องมาเกิดใหม่ตามกรรมของตัวที่ทำไว้ แล้วมาเกิดไม่ได้ เพราะทุกคนคุมกำเนิดกันหมด อย่างนี้ถึงการคุมกำเนิดจะไม่เป็นการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต ก็ต้องถือว่าเป็นบาปใช่ไหมครับ
สมเด็จ : เป็นการปิดทางไม่ให้วิญญาณสวยกรรมวิบาก เมื่อเป็นการปิดทางวิญญาณเสวยกรรมวิบากไม่ได้แล้วไซร้ โลกมันจะร้อนตามภาวะ เขาเรียกว่า ร้อนด้วยภาวะแห่งการเรียกร้องของวิญญาณ
ถึงแม้ว่าอาตมาจะอยู่ในโลกวิญญาณก็จริงแต่อาตมาก็มีทิพยจักษุ สอดส่องโลกมนุษย์ท่านจะสังเกตได้ว่าครอบครัวใด ถ้ามากในกามตัณหาแล้วไซร้ และครอบครัวนั้นไปทำที่สมมติกันว่า คุมกำเนิดนี้แหล่ ครอบครัวนั้น ระหว่างนั้นจะเกิดความเดือดร้อนขึ้นมาโดยฉับพลัน เพราะเหตุใด เพราะวิบากในการปิดทางเดินของกระแสวิญญาณ ที่มีกรรมพัวพันจะมาเกิดใช้กรรมในจุดนั้น
ทีนี้เกิดปัญหาขึ้นมาว่า ทำอย่างไรวิญญาณเหล่านี้จะถ่ายเทไปสู่ที่อื่นได้ “ก็ต้องมีปัจจัยคืออย่าประกอบกรรม” ฟังความนี้เข้าใจไหม
ดร.อุทิศ : อย่าประกอบกรรม ยังไม่เข้าใจครับ
สมเด็จ : หมายความว่า วิญญาณที่มีกรรมพัวพันนั้นจะไม่มาเกิดกับบุคคลนั้น ต่อเมื่อบุคคลนั้นไม่มีการร่วมประเวณี
ดร.อุทิศ : ถ้าไม่ร่วมประเวณี พวกเขาก็มาเกิดไม่ได้ซิครับ
สมเด็จ : เขาก็ไปตามภาวะกรรมในการถ่ายเท คือที่เราต้องการจะให้เกิดการถ่ายเทไปในภูมิอื่น โลกอื่น ในฐานะที่เราเป็นชาวพุทธ เราควรรู้ว่าทุกอย่างต้องมีเหตุ เหตุมันต้องเกิดจากปัจจัย วิญญาณเขาถือว่ามีปัจจัย คือการสมสู่นี่เป็นเหตุให้เขาต้องมาเกิด
(พิมพ์ใน น.ส.พ.ไทยเดลี่ ฉบับประจำวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๕๑๔)
จากหนังสือโอวาทจากดวงพระวิญญาณบริสุทธิ์ สมเด็จโต โอวาท ๒
