บันทึกของ ดร.คลุ้ม เรื่อง"ประสบการณ์ที่สำนักปู่สวรรค์"

  • Print

คลุ้ม วัชโรบล

ประสบการณ์ที่สำนักปู่สวรรค์

โดย  ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ลงในหนังสือ อนุสรณ์ครบ ๑๐ ปี เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๑๘

                เมื่อราวเดือนมิถุนายน พ.ศ.๒๕๑๒ อาจารย์ลัดดา ประเสริฐกุล ได้มาพบข้าพเจ้าและเล่าเรื่องแปลกประหลาดบางอย่างที่ได้ประสบมา คือ วันหนึ่งอาจารย์ลัดดาได้ไปที่วัดมหาธาตุ ได้พบชายหนุ่มคนหนึ่ง จ้องมองหน้าแล้วพูดอะไรแปลกๆคล้ายจะดุหรือต่อว่าต่อขานอะไร โดยอาจารย์ลัดดาไม่รู้สาเหตุ เพราะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ทำให้รู้สึกแปลก จึงพยายามติดตาม เพื่อให้รู้วาชายคนนี้เป็นใครมาจากไหน จนกระทั่งทราบว่าชื่อ สุชาติ โกศลกิติวงศ์ อยู่บ้านที่บางปะกอก ฝั่งธนบุรี ณ บ้านหลังนั้นมีการทรงพระวิญญาณของหลวงปู่ทวด เหยียบน้ำทะเลจืด ท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ และหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี เมื่ออาจารย์ลัดดาได้ไปติดต่อทราบความตลอดดีแล้ว จึงได้มาชวนข้าพเจ้าไปสังเกตดูบ้าง ข้าพเจ้าได้ไปตามที่อาจารย์ลัดดานัดไว้

 ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ภาพ ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล เมื่อครั้งไปสังเกตุการณ์เรื่องวิญญาณ ที่สำนักปู่สวรรค์

                บ้านหลังนี้เป็นเรือนไม้สองชั้น มีครัวแยกออกจากบ้านอยู่ข้างหลัง ใกล้บ้านมีโรงงานเล็กๆ บริเวณบ้านมีเนื้อที่ประมาณ ๑ งานกว่าๆ พอมีสนามให้รถจอดได้ ๒ ๓ คัน บ้านชั้นบนมีรูปปั้นคือหลวงปู่ทวด หลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) และฤาษี อีกห้องหนึ่งมีการประทับทรง มีผู้คนชายหญิงประมาณ ๒๐ กว่าคน อาจารย์ลัดดาได้แนะนำให้คนเหล่านั้นรู้จักข้าพเจ้าว่าเป็นใคร ข้าพเจ้าได้ไปที่บ้านนั้น ๒ -๓ ครั้ง เคยรับการรดน้ำมนต์ด้วย

                เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๒ กรกฎาคม ๒๕๑๒ ขณะที่สมเด็จฯโต กำลังประทับทรงอยู่ท่านได้หยุดชั่วขณะหนึ่ง แล้วบอกแก่สานุศิษย์ซึ่งอยู่ในที่นั้นว่า ขณะนี้วิญญาณคนสำคัญคนหนึ่งปรารถนาจะมาเยี่ยมสำนักเรา จะยอมให้เขามาเยี่ยมเราไหม พวกเราพากันตอบว่ายินดีต้อนรับ สมเด็จฯโต ก็นอนหงาย วิญญาณออกจากร่างไป อีกสักครู่หนึ่งก็ผุดลุกขึ้นนั่ง แล้วเริ่มพูดด้วยเสียงดัง จะเป็นภาษาฝรั่งเศสก็ไม่ใช่ เพราะข้าพเจ้ารู้ภาษานี้ คล้ายๆภาษาแขก พอจะเดาได้บางคำ เช่นพูดว่า ไมนามะนะโปเลียนเดาได้ว่าชื่อนะโปเลียนนอกจากนั้นไม่รู้เรื่องเลย สานุศิษย์อัดเท้ปไว้ตลอด

                พอพูดได้ ๕ นาทีก็หยุด แล้วนอนหงาย วิญญาณออกจากร่างไป สักครู่ใหญ่วิญญาณสมเด็จฯโต ก็กลับมาเข้าร่างทรงอีก เราได้เปิดเท้ปให้ฟัง แล้วหลวงพ่อสมเด็จฯก็ได้แปลให้พวกเราฟังมีใจความย่อๆว่า อย่าๆได้เป็นผู้มักใหญ่ใฝ่สูง ตัวนะโปเลียนเองเคยทะเยอทะยานอยากเป็นผู้ครองโลก แล้วผลที่ได้รับคือขณะนี้ต้องไปรับการทรมานอยู่ในนรกขุมที่ ๑๓ ทุกอย่างเป็นไปตามกฎของกรรม ใครทำกรรมดีก็ได้ดี ใครสร้างกรรมชั่วก็ต้องได้รับผลกรรมตอบสนองเป็นแน่แท้

                นอกจากเรื่องนี้แล้ว ข้าพเจ้ายังได้สังเกตเห็นสิ่งแปลกๆ เกิดขึ้นแก่ผู้ที่มารับการรักษาโรค รดน้ำมนต์ และอื่นๆอีกหลายอย่าง จึงได้ติดตามเฝ้าสังเกตอยู่ต่อไป จนกระทั่งสำนักปู่สวรรค์ได้ย้ายไปอยู่ที่ใหม่ คือที่ซอยจตุรงค์สงคราม ถนนเพชรเกษม ก.ม.๑๕ ครึ่ง เมื่อเดือน มกราคม พ.ศ.๒๕๒๓

                ณ ที่ใหม่นี้อาจารย์ลัดดา ประเสริฐกุล เป็นผู้สละที่ดินถวาย ๑ แปลงประมาณ ๑ ไร่ คุณดุสิต พานิชพัฒน์ ได้บริจาคช่วยในการก่อสร้างตำหนักชั้นบนตลอดหลัง คุณวิเชียร เชิดชูชาติ ช่วยบริจาคของและค่าแรง ข้าพเจ้าได้ช่วยออกค่าทำหน้าต่างตำหนักชั้นล่างและเสาธงหน้าตำหนัก ช่วยกันจนได้รับผลสำเร็จเป็นสำนักที่สวยงามตามที่เห็นอยู่ในปัจจุบันนี้ ต่อมาคุณสิริเพ็ญ จ่างตระกูล ได้ซื้อที่ดินถวายอีกประมาณ ๑ งาน สานุศิษย์ทั้งหลายถวายอีก ๑ งาน

                ณ สำนักปู่สวรรค์แห่งนี้ ได้มีพิธีเททองสร้างองค์สมมติพระศรีอริยเมตตไตร พระเจ้าวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าอนุสรณมงคลการ ทรงเป็นประธานเททอง เมื่อสร้างเสร็จจัดงานเฉลิมฉลอง ม.จ.จักรพันธุ์เพ็ญศิริ จักรพันธุ์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ ทรงเบิกพระเนตร นายอภัย จันทวิมลรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เป็นประธานเปิดงาน ข้าพเจ้าเป็นประธานจัดงาน มีเอกอัครราชทูตและผู้แทนประเทศต่างๆ มาร่วมงานคือ ประเทศอินเดีย พม่า มาเลเซีย อินโดนิเซีย และกัมพูชา

                ต่อมา ปี พ.ศ.๒๕๑๔ ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ ได้ทรงพระกรุณาทำพิธีต่ออายุให้ข้าพเจ้าอีก ๒๐ ปี ข้าพเจ้าจึงได้สร้างองค์สมมติท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระสูง ๓๐ นิ้วถวาย และสมเด็จหลวงปู่ทวดได้ทรงเบิกพระเนตร ฯพณฯ ราเมศ บันดารี เอกอัครราชทูตอินเดียมาร่วมพิธีด้วย

                งานของสำนักเราได้รับความสนใจจากประชาชนมากขึ้นเป็นลำดับจึงต้องจำกัดจำนวนผู้มารับการรักษาโรคในวันอาทิตย์ จะรับบัตรได้ไม่เกิน ๓๐๐ คน

                ในปี พ.ศ.๒๕๑๔ ได้เปิดสำนักหุบผาสวรรค์ ที่เขาเสือหมอบ ตำบลดอนทราย อำเภอปากท่อ จังหวัดราชบุรี ได้ช่วยบูรณะโรงเรียนบ้านเขาถ้ำ ซึ่งตั้งอยู่ที่ตำบลนั้น เริ่มโครงการเกษตรสาธิตปลูกสับปะรด แอสปารากัส สตรอเบอรี่ และต้นไม้อื่นๆ ประธานโครงการเกษตรสาธิตคือ ศาสตราจารย์หลวงสมานวนกิจ ดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ ถึงแม้ว่าตำบลดอนทรายนี้เป็นแหล่งกันดารน้ำอย่างยิ่ง แต่โครงการของเราก็ได้ช่วยตัวเอง โดยขุดบ่อน้ำบาดาลหลายบ่อจึงดำเนินการไปได้

                ปีต่อมามีผู้มีเกียรติหลายท่านได้มาร่วมงานกุศลของสำนักปู่สวรรค์ เช่น คุณบุญยง ว่องวานิช นายกพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย เมื่อคุณบุญยงมาสำนักปู่สวรรค์ในครั้งแรกก็เพื่อต้องการจะทราบว่าสำนักนี้ทำอะไรกันบ้าง และตามที่เล่าลือกันนั้นเท็จจริงอย่างไร ครั้นได้มีโอกาสได้ฟังหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี เทศน์ และตอบปัญหาก็รู้สึกประทับใจ และเกิดความเลื่อมใสมาก จึงสมัครเป็นสานุศิษย์ด้วยความเต็มใจ นอกจากตัวคุณบุญยงเองแล้ว คุณแม่ พี่น้อง ภรรยาและบุตรยังมาเป็นสานุศิษย์ของสำนัก ทำให้เราเพิ่มความคึกคักขึ้น

                นอกจากคุณบุญยง ยังมีพลตรีถวิล เกษตรทัต รับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการบริหาร เมื่อพลตรีถวิลป่วย ม.จ.ชุมปกะบุตร ชุมพล ทรงรับแต่งตั้งเป็นประธานกรรมการบริหารแทน พลตรีปราการ ภูวนารถนุรักษ์ เป็นประธานกรรมการบริหารและเป็นประธานฝ่ายประชาสัมพันธ์

                ยังมีกรรมการอีกหลายท่านช่วยกันทำกิจการงาน ของสำนักอย่างเต็มความสามารถช่วยให้สำนักเจริญขึ้นเรื่อยๆ เฉพาะอย่างยิ่งคุณบุญยง ว่องวานิช ได้ทุ่มเทกำลังกาย กำลังใจและกำลังทรัพย์ให้แก่สำนัก แม้ว่าจะมีหน้าที่บริหารงานบริษัทการค้าต่างๆถึง ๕ ๖ บริษัทก็ยังปลีกตัวมาช่วยงานของสำนักอย่างเต็มความสามารถ ท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ จึงมีโองการแต่งตั้งคุณบุญยง ว่องวานิช เป็นเลขาธิการสำนักปู่สวรรค์ โดยถือน้ำสัจจะ คล้ายกับดื่มน้ำพิพัฒน์สัตยา

                สำนักหุบผาสวรรค์ ซึ่งได้กล่าวมาแล้วนั้น เตรียมไว้เป็นสถานที่ปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐานของผู้สนใจทั่วไป ได้สร้างกุฏิ บ้านพัก โรงครัว เป็นต้น อาคารที่สำคัญที่สุดคือ ศาลาชินนะปูโตอนุสรณ์ ศาลานี้เป็นที่ทำพิธีมหาพุทธาภิเษกพระสมเด็จ ๙ ประเทศ เป็นเวลา ๙ วัน เมื่อวันที่ ๓๐ มีนาคม ถึง ๗ เมษายน ๒๕๑๗ งานนี้ได้นิมนต์พระอาจารย์ผู้ทรงคุณจากวัดต่างๆเกือบทั่วประเทศมานั่งปรก มีสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ วัดราชบพิธ (สมเด็จพระสังฆราชองค์ปัจจุบัน)[ ในปีที่เขียนบันทึก ]  เป็นประธานฝ่ายสงฆ์ในวันแรก ในการนี้ท่านอมฤตนันทภิกขุ ประธานสงฆ์แห่งประเทศเนปาลได้มาร่วมงานด้วยตลอดงาน

                งานในครั้งนี้ได้เชิญเอกอัครราชทูต หรือผู้แทนประเทศ ๘ ประเทศคือ อินเดีย เนปาล พม่า เวียดนาม กัมพูชา ลาว มาเลเซีย อินโดนิเซีย มาจุดเทียนชัย และ  ฯพณฯ สุกิจ นิมมานเหมินทร์รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้แทนประเทศไทยจุดเทียนชัย และเป็นประธานเปิดงาน งานได้สำเร็จลงด้วยความเรียบร้อยทุกประการ

                เนื่องด้วยขณะนี้เป็นกาลกลียุค ประเทศต่างๆปั่นป่วนด้วยภัยทางการเมืองสมทบด้วยภัยธรรมชาตินานาชนิด ทางสำนักจึงได้ริเริ่มสร้าง สันติเจดีย์ ขึ้นบนยอดเขาเสือหมอบเหนือถ้ำไทรย้อย เพื่อบรรเทาภัยพิบัติต่างๆที่จะเกิดขึ้นให้เบาบางลง ได้จัดพิธี วางศิลามงคลสันติเจดีย์ เมื่อวันเสาร์ที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๑๗ สมเด็จพระสังฆราชเสด็จมาทรงเป็นประธานและทรงเจิมศิลามงคลนี้ สันติเจดีย์นี้อาจารย์ไพบูลย์ สุวรรณกูฏ เป็นผู้ออกแบบ เป็นรูปพระเจดีย์ ๑๐ ยอด ครอบแอ่งหินที่มีรอยคล้ายรอยพระบาทพระอรหันต์  หุ่นจำลองสันติเจดีย์ปิดทองคำเปลวตั้งแสดงไว้ที่สำนักปู่สวรรค์ สวยงามมากทีเดียว สร้างเสร็จเมื่อไรคงจะมีงานฉลองกันอย่างครึกครื้นมโหฬารอีกครั้งหนึ่งเป็นแน่

                เมื่อวันที่ ๓๑ ธันวาคม ๒๕๑๗ พวกเราบรรดาสานุศิษย์และสาธุชนได้ไปร่วมงานส่งท้ายปีเก่าและต้อนรับปีใหม่ พ.ศ.๒๕๑๘ ณ อุทยานหุบผาสวรรค์เป็นจำนวนกว่า ๓๐๐ คน ได้ขึ้นเขาเสือหมอบเพื่อฟังบรรยายธรรมจากสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต) และสวดมนต์ทำสมาธิ รุ่งเช้าพากันลงจากเขามาตักบาตร เป็นที่น่าสังเกตว่ามีคนสูงอายุกว่า ๗๐ ปี ขึ้นไปทำสมาธิบนยอดเขาด้วย ๒ ๓ คน นี่เพราะแรงศรัทธาแท้ๆ

                เมื่อวันมาฆบูชาวันที่ ๒๕ กุมภาพันธ์ ๒๕๑๘ บรรดาสานุศิษย์และสาธุชนก็ได้ขึ้นไปทำสมาธิบนยอดเขาอีก เป็นจำนวนมากพอสมควร

                ขณะเขียนบทความนี้ เป็นเวลาที่สำนักกำลังเตรียมงานสงกรานต์มิตรภาพไทย-เทศ ในวันที่ ๑๒ ๑๔ เมษายน ๒๕๑๘ เพื่อฟื้นฟูวัฒนธรรมประเพณีไทย เช่นการ รดน้ำดำหัว การรดน้ำสงกรานต์ แห่นางสงกรานต์ ปล่อยนก ปล่อยปลา มีการเล่นพื้นเมืองและนาฏศิลปะไทย ชาวไทย และชาวต่างประเทศจะได้ฟังธรรม และทอดผ้าป่ามิตรภาพร่วมกัน เป็นการสมสานสามัคคีระหว่างนานาชาติ

มีนาคม ๒๕๑๘

บทความสวรรค์รำลึก www.poosawan.org