เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ พระสมเด็จชินปัญชร

  • Print

 พระสมเด็จชินปัญชร

เรื่องน่ารู้เกี่ยวกับ พระสมเด็จชินปัญชร

โดย พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์

พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์

อานิสงส์การสวดพระคาถาชินปัญชรทางด้านรูปธรรม ที่เห็นผลทันตาเรื่องหนึ่ง ได้แก่พระเครื่อง “สมเด็จชินปัญชร” ที่สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๓๘ เพื่อมอบให้สานุศิษย์และพุทธศาสนิกชนทั้งหลาย เป็นรางวัลในความศรัทธาและความเพียรที่สวดพระคาถาตลอดมา มีลักษณะเลียนแบบพระสมเด็จ ๙ ประเทศขนาดเล็กที่สำนักปู่สวรรค์สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.๒๕๑๗ จำนวน ๖,๐๐๐ องค์นั้น รูปร่างพระ “พระสมเด็จชินปัญชร” เป็นไปอย่างเรียบง่าย ทำด้วยวัสดุเลซินตามกรรมวิธียุคไฮเทค ปรากฏรายการในแผ่นพิมพ์กำกับพระเครื่องดังนี้

เนื้อพระ ประกอบด้วยมวลสาระสำคัญมากมายที่ผ่านการลงพลังจิตแล้ว เช่นผงวิเศษพระสมเด็จ ๙ ประเทศ ดินศักดิ์สิทธิ์จากสังเวชนียสถานทั้ง ๔ แห่ง แร่หินหมื่นล้านปี ว่าน ๑๐๘ ชนิด เกสรดอกไม้มงคล ๑๐๘ ชนิด ผงเพชร ผงหยก ผงทองนพคุณ เหล็กไหลละลายรูป ผงธูปจากสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ และผงผ้ายันต์พิทักษ์เอกราช ฯลฯ  คาถาบูชา “ชินนะปัญจะระ”  คำแนะนำ อัญเชิญติดตัวเป็นศิริมงคล แคล้วคลาดปลอดภัย มีโชคมีชัย ป้องกันอภิญญาสายดำ

          ดวงพระวิญญาณหลวงพ่อสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังษี โปรดให้สร้างพระสมเด็จชินปัญชรนี้ขึ้น เป็นไปทำนองเดียวกับที่องค์ท่านได้สร้างพระสมเด็จ มอบให้ชาวบ้านซึ่งช่วยซ่อมแซมพระอุโบสถวัดระฆังโฆสิตารามในสมัยโน้น

          ข้าพเจ้าได้รับพระสมเด็จชินปัญชรแล้วมีความประทับใจมาก เนื่องด้วยพระเครื่องรุ่นนี้มีมวลสารต่างๆไม่น้อยกว่า ๑๑ อย่าง และเป็นสสารที่แปลกกว่าพระเครื่องอื่นใดในเครือสำนักปู่สวรรค์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีธาตุกายสิทธิ์ผสมอยู่ด้วย ๒ อย่าง คือ  หยกกับเหล็กไหล ถึงแม้ว่าพระสมเด็จชินปัญชรไม่สวยเท่าพระสมเด็จวัดระฆังฯ ไม่เรียบร้อยเท่าพระสมเด็จ ๙ ประเทศ และพระสมเด็จสันติภาพ แต่ความศักดิ์สิทธิ์นั้นเหมือนกัน ตามนัยคติที่ว่า “คุณค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน คุณค่าของสสารอยู่ที่พลัง” พระสมเด็จชินปัญชรถึงจะเล็กก็เล็กพริกขี้หนู

          พุทธศานิกชนหญิงคนหนึ่งประกอบธุรกิจการค้าที่ปากคลองตลาด ได้ไปร่วมสวดพระคาถาชินปัญชรที่ลานพระบรมรูปพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราชที่อยู่ใกล้กัน หลังจากนั้นได้นำแผ่นพิมพ์หลักฐานการสวดพระคาถา ไปขอรับพระสมเด็จชินปัญชรที่อาคารอริยสัจสี่ เมื่อเห็นมงคลวัตถุดังกล่าวแล้ว เขาได้แสดงความรู้สึกผิดหวังให้ประชาสัมพันธ์ของชมรมสานุศิษย์ฟัง ถึงกรณีที่เขาต้องหยุดทำมาหากินในวันนั้นครึ่งวัน และเสียค่ารถแท็กซี่ไปกลับหลายร้อยบาทเพียงเพื่อมารับพระเครื่องแบบตลาดพระ แถวท่าพระจันทร์บูชากันองค์ละ ๑๐ – ๒๐ บาท แต่ครั้นเมื่อได้ขึ้นไปนมัสการปูชนียวัตถุบนตำหนักท่านบรมครู กลับลงมาแล้ว เขาได้กล่าวกับประชาสัมพันธ์ด้วยอารมณ์ที่เต็มไปด้วยความปีติยินดีว่า “ถ้าไม่ได้มาที่นี่เสียดายแย่เลย”

อาคารอริยสัจสี่

          ข้าพเจ้าฟังเรื่องแล้วได้ข้อคิดว่า อาคารอริยสัจสี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์และสำคัญยิ่งแห่งหนึ่งของพุทธศาสนาในยุคนี้ พุทธศาสนิกชนบางคนเข้าไป แต่บางคนไม่เข้า เป็นเรื่องของนานาจิตตังตามธรรมชาติของมนุษย์ที่มีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน มีความสามารถไม่เท่ากัน ท่านบรมครูได้กล่าวถึงบุคคลประเภทที่ไม่เข้าไปอาคารอริยสัจสี่ทั้งๆที่อยู่ในวิสัยเข้าไปได้ในทัศนะของโลกวิญญาณว่าเพราะเขาบารมีไม่ถึง

ข้อมูลประกอบเรื่อง :

ตัดตอนมาจากหนังสือ “ชินปัญชรช่วยไทย” โดย พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์   จัดพิมพ์โดย โครงการธรรมไมตรี พ.ค.๒๕๔๒

::ติดตามประวัติของ พล.ต.ต.พิบูลย์ ภาษวัธน์ >>คลิ๊กที่นี่

บทความสวรรค์รำลึก www.poosawan.org