เหตุเกิดที่อำเภอนาจะหลวย อุบลราชธานี

  • Print

พลตรีประสิทธิ์ ชื่นบุญ

พล.ต.ประสิทธิ์ ชื่นบุญ

เหตุเกิดที่อำเภอนาจะหลวย อุบลราชธานี

บันทึกของ พลตรี ประสิทธิ์ ชื่นบุญ อดีตเจ้ากรมการทหารสื่อสาร กองทัพบก และอดีตผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบก

      หลังจากข้าพเจ้าเกษียณอายุราชการแล้ว ก็ใฝ่หาสถานที่สงบจิตในเบื้องปลายของชีวิต มาเจอสถานที่ ที่แปลกกว่าที่อื่นๆก็คือสำนักปู่สวรรค์ ซอยจาตุรงค์สงคราม บางแคเหนือ กม.๑๕ ครึ่งจากกรุงเทพมหานคร และอาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา ต.ดอนทราย อ.ปากท่อ จ.ราชบุรี ซึ่งนอกจากจะสามารถเป็นที่สงบทางจิตแล้ว ยังสามารถช่วยชาติบ้านเมืองและประชาชนในโลกให้เกิดสันติสุขและปลอดภัยอีกทางหนึ่งด้วย ข้าพเจ้าจึงสนใจที่จะไปศึกษาและสังเกตการณ์เป็นพิเศษในการดำเนินงานของสถานที่สองแห่งนี้

 ผ้ายันต์พิทักษ์เอกราช

ผ้ายันต์พิทักษ์เอกราช 

                กิจกรรมอย่างหนึ่งที่สำนักปู่สวรรค์ดำเนินการสม่ำเสมอตลอดมาตั้งแต่ปี ๒๕๑๕ แล้ว ก็คือการนำผ้ายันต์พิทักษ์เอกราชและเครื่องอุปโภคบริโภคไปแจกแก่ทหาร ตำรวจ และพลเรือนที่ปฏิบัติหน้าที่ป้องกันอธิปไตยของไทยตามแนวชายแดน ซึ่งเป็นการเพิ่มกำลังใจให้แก่ท่านผู้กล้าหาญและเสียสละนั้นเป็นอย่างมากด้วย คณะธรรมทูตจากสำนักปู่สวรรค์ที่เดินทางไป ถึงแม้จะประสบเหตุการณ์ต่างๆอันเกจากผู้ก่อการร้าย ก็จะรอดปลอดภัยมาด้วยดีทุกครั้ง ตามที่ปรากฏรายละเอียดในหนังสือของสำนักปู่สวรรค์ เรื่องติดตามคณะธรรมทูตแจกผ้ายันต์พิทักษ์เอกราช”  , “เรื่องเลือดพิทักษ์แผ่นดินไทยเป็นต้น หนังสือเหล่านี้ซื้อได้จากสำนักปู่สวรรค์ อาณาจักรหุบผาสวรรค์เมืองศาสนา และสำนักงานประสานงานสมาคมศาสนาสัมพันธ์ประจำจังหวัดต่างๆ

                เมื่อข้าพเจ้าอ่านแล้วก็ยังไม่ยอมรับ แต่คิดว่าไม่จริงก็ไม่ถูก ต้องเข้าดูด้วยตนเองจึงจะถูกต้อง ข้าพเจ้าได้ศึกษาและติดตามเรื่องต่างๆของสำนักนี้เรื่อยๆมา จนกระทั่งโอกาสที่จะติดตามคณะธรรมทูตแจกผ้ายันต์ก็มาถึง ข้าพเจ้าจึงได้ขออนุญาตจากดวงพระวิญญาณสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี ซึ่งเสด็จผ่านร่างอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ที่สำนักปู่สวรรค์ และท่านก็อนุญาตให้ข้าพเจ้าไปในคณะธรรมทูตที่แจกผ้ายันต์ครั้งหลังสุดเมื่อเดือน มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๑ นี้ได้ ต่อไปนี้เป็นประสบการณ์ที่ข้าพเจ้าได้พบเห็นมาด้วยตัวข้าพเจ้าเอง

                คณะธรรมทูตซึ่งมีข้าพเจ้าอยู่ด้วยได้เริ่มออกเดินทางโดยรถยนต์ ๒ คัน จากสำนักปู่สวรรค์ในวันจันทร์ที่ ๖ มีนาคม ๒๕๒๑ จากกรุงเทพมหานครมุ่งตรงไปยังจังหวัดศรีษะเกษ รุ่งขึ้นในวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๒๑ คณะของเราทั้งหมดสมทบด้วยคณะเจ้าหน้าที่จากสำนักงานประสานงานสมาคมศาสนาสัมพันธ์ประจำจังหวัดศรีษะเกษ ได้ไปเยี่ยมเยียนและแจกของแก่เจ้าหน้าที่ตำรวจและพลเรือนอาสาสมัครที่ป้องกันอธิปไตยของไทยในเขตจังหวัดนี้ตลอดแนวพรมแดนด้านกัมพูชา ด้วยความเรียบร้อยตลอดจนถึงค่ำ

เราจึงเสร็จจากการเยี่ยมเยียน แล้วเราจึงเดินทางต่อไปยังจังหวัดอุบลราชธานีในคืนวันที่ ๗ มีนาคม ๒๕๒๑ นั่นเอง โดยไม่ต้องพักให้เสียเวลาเลย คณะธรรมทูตทุกคนแม้จะเหน็ดเหนื่อย เพราะต้องเดินทางทั้งวัน และทางก็ขรุขระเต็มไปด้วยฝุ่น แต่ทุกคนก็รื่นเริง และยิ้มแจ่มใสที่ได้มีโอกาสบำเพ็ญประโยชน์แก่ทหารผู้กล้าหาญ และเสียสละเพื่อประชาชนเหล่านั้น เพราะเขาเหล่านั้นต้องนอนกลางดินกินกลางป่าจริงๆ ล้อมรอบด้วยภยันตรายนานาประการตลอดเวลาอย่างน่าเห็นใจ

 พลตรี ประสิทธิ์ ชืนบุญ

พล.ต.ประสิทธิ์ ชื่นบุญ และวงดนตรี "สวรรค์บันดาล" ขับร้องเพลงปลุกใจทหารตำรวจ ที่ นาจะหลวย 

เมื่อทราบว่าพวกเราได้นำผ้ายันต์ พร้อมทั้งยาและเครื่องอุปโภคบริโภคเท่าที่มีไปแจกก็ดีใจ ซ้ำยังมีนักร้องนักดนตรีและกลุ่มสตรีพิทักษ์แผ่นดินไทยไปบรรเลงเพลงปลุกใจอีก ข้าพเจ้ารู้สึกว่าตำรวจ พลเรือน อาสาสมัครเหล่านั้นมีความแช่มชื่นเบิกบาน และกระฉับกระเฉงขึ้นมากทีเดียว ดวงตามีประกายฉายแสงความกล้าหาญจากดวงใจ ซึ่งพร้อมที่จะต่อสู้กับผู้รุกรานอธิปไตยของประเทศชาติได้ โดยไม่ต้องกลัวเกรงต่อความตาย

คณะเราถึงอุบลฯในคืนนั้นประมาณ ๒๓ น. เมื่อเข้าที่พักเรียบร้อยแล้ว รุ่งขึ้นเช้า ๘ มี.ค.๒๑ ด้วยความร่วมมือจากกองกำกับการ ๓ ตำรวจตระเวนชายแดนที่ จ.อุบลราชธานี ได้ให้ท่านรองผู้กำกับชั้นพันตำรวจโท ๑ ท่าน กับชั้นร้อยตำรวจเอกอีก ๑ ท่าน ร่วมเดินทางไปกับเราด้วย

คณะของเราเดิม ๒ คันรถ ร่วมกับคณะเดินทางใหม่จากอุบลราชธานีด้วยรวมเป็น ๓ คัน เริ่มเดินทางจากตัวจังหวัดอุบลราชธานีเวลา ๘ น.เศษ ไปยังหน่วย ตชด. ที่ ๓๔๒ ที่ อ.นาจะหลวย เป็นหน่วยแรก เมื่อไปถึง อ.นาจะหลวย ซึ่งเป็นที่ตั้งของ ตชด. หน่วยนี้แล้ว คณะธรรมทูตก็ดำเนินการปลุกปลอบใจ โดยข้าพเจ้าเป็นผู้กล่าวแนะนำตนเอง แล้วบอกความมุ่งหมายให้ ตชด. หน่วยนี้ทราบว่า คณะธรรมทูตซึ่งมีอาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ เป็นหัวหน้าจะได้นำธรรมะตลอดจนสิ่งบำรุงขวัญอื่นๆ อาทิ ผ้ายันต์ , ยารักษาโรค และเครื่องอุปโภคอื่นๆมาเยี่ยม ต่อจากนั้น อาจารย์สุชาติก็ได้กล่าวบำรุงขวัญ ทำนองเดียวกับในหนังสือที่ข้าพเจ้าได้อ้างมาแล้วข้างต้น เสร็จแล้วกลุ่มสตรีพิทักษ์แผ่นดินไทยและคณะก็บรรเลงเพลงปลุกใจร่วมกับ ตชด.

 พระราชญาณดิลกวัดเขาเต่า

พระราชญาณดิลก อดีตเจ้าอาวาสวัดเขาเต่า มอบผ้ายันต์พิทักษ์เอกราช ให้กับตำรวจรบพิเศษ 

h13-5

 ผู้อำนวยการสำนักปู่สวรรค์ มอบผ้ายันต์พิทักษ์เอกราชและกล่าวบำรุงขวัญให้กับนักรบชายแดน 

แจกผ้ายันต์พิทักษ์เอกราชให้นักรบชายแดน

แม้จะห่างไกล ทุรกันดารอย่างไร คณะบำรุงขวัญก็ออกเดินทางไปเพื่อนำแรงใจจากคนแนวหลังไปมอบให้

ผู้เสียสละเพื่อความเป็นเอกราชของชาติไทย

ขณะที่กำลังรื่นเริงกันอยู่นั้น ข้าพเจ้าก็ได้รับโน้ตบันทึกแผ่นเล็กๆ จาก ผบ. หน่วย ตชด.๓๔๒ มีใจความว่า เส้นทางที่คณะธรรมทูตจะไปยัง ตชด. หน่วย ๓๑๔ นั้น ได้มี ผกค. ลอบวางระเบิดสะพานกลางทาง ห่างจากที่ตั้ง ตชด.๓๔๒ ไปประมาณ ๑ กม. เศษ รถไปไม่ได้เพียงเท่านี้ ข้าพเจ้าจึงถาม หน. หน่วย ตชด. ว่า ระเบิดตั้งแต่เมื่อไหร่ ได้รับคำตอบว่าเมื่อคืนวานซืน ประมาณ ๒ ทุ่มเศษ ยังไม่ได้ซ่อมแซมสะพานแต่อย่างใด และไม่มีใครกล้าผ่านไปเลย

ข้าพเจ้าจึงหันไปปรึกษากับหัวหน้าคณะธรรมทูต คืออาจารย์สุชาติ โกศลกิติวงศ์ ว่าควรทำอย่างใด อาจารย์สุชาติ หันมาถาม หน.หน่วย ตชด. อีกว่า ถ้ารถแล่นลงจากถนน และวิ่งลงไปข้างล่างพื้นถนนไปขึ้นอีกฟากหนึ่งของสะพานจะทำได้ไหม ได้รับคำตอบว่าหน้านี้พอไปได้

เมื่อได้รับคำตอบเช่นนั้น อาจารย์สุชาติก็ได้พูดขึ้นว่า เราต้องไป บนแผ่นดินไทย ใครจะมาห้ามเราไม่ให้ไป ไม่ได้ พวกเราเมื่อได้ฟังหัวหน้าคณะพูดดังนั้น และประกอบกับความเชื่อมั่นในสมเด็จพระพุฒาจารย์(โต)พรหมรังสี หลวงปู่ทวด(เหยียบน้ำทะเลจืด) และท่านท้าวมหาพรหมชินนะปัญจะระ เป็นทุนอยู่แล้ว ก็เฮโลกันขึ้นรถ พร้อมทั้งขอพล ตชด. ที่หน่วยนั้น ไปด้วยอีก ๒ คน ออกเดินทางทันทีโดยมิได้คิดเกรงกลัวเลย

รถวิ่งไปประมาณ ๑ กม. เศษอยู่ในป่า ก็มาจอดห่างสะพานที่ถูกระเบิดประมาณ ๒๐ ม. พวกเราก็พากันลงจากรถไปดูสะพานที่ถูกระเบิด เห็นสะพานถูกระเบิดมากจนไม่สามารถเดินด้วยเท้าบนสะพานได้ เราจำเป็นต้องลงจากรถเดิน และให้รถแล่นลงข้างทาง ไปขึ้นอีกฟากหนึ่งของสะพาน

ทันใดนั้นอาจารย์สุชาติได้สั่งพวกเราให้ขึ้นรถให้หมดและให้รอฟังคำสั่ง อาจารย์สุชาติกับศิษย์อีก ๓ ๔ คน คงยืนอยู่ที่สะพาน ข้าพเจ้าเองอยากทราบเหตุการณ์จึงมิได้กลับขึ้นรถ คงยืนอยู่หลังอาจารย์สุชาติ ซึ่งขณะนั้นหน้าตาผิดไปจากปกติ ถือคทาชูขึ้นพร้อมทั้งใช้มือซ้ายประกอบเล็งไปทางขวา ทางซ้าย สุดท้ายหยุดอยู่ ณ จุดหนึ่งตรงไปข้างหน้า พร้อมทั้งพูดออกมาได้ยินกันชัดเจนในระหว่าง ๔ ๕ คนที่ยืนอยู่ข้างๆว่า มีคน ๔ คนแอบซุ่มอยู่ที่พุ่มไม้โน่นข้าพเจ้ามองออกไปก็พบแต่ต้นไม้ใหญ่ๆเต็มไปหมด ไม่เห็นมีใครสักคนในสายตาของพวกเรา แต่ข้าพเจ้าก็ไม่พูดว่ากระไร

สักครู่ได้ยินอาจารย์สุชาติพูดต่อไปอีกว่า มันจังงังแล้ว”  พูดเสร็จเท่านั้นตัวอาจารย์สุชาติเองถือคทาชูขึ้นเหนือศรีษะ แล้ววิ่งลงจากถนนลงไปข้างล่างที่พื้นทราย แล้ววิ่งไปบนพื้นทรายตรงไปข้างหน้า วิ่งเร็วมาก ผิดปกติที่คนอย่างอาจารย์สุชาติจะวิ่งได้ ลูกศิษย์ ๓ ๔ คนเมื่อหายตะลึงก็ตกลงใจวิ่งตามลงไป

แต่ด้วยสัญชาติญาณของทหารนึกว่า ถ้า ผกค. ซุ่มอยู่จริงแล้วละก็ มันต้องฝังกับระเบิดเอาไว้ และหรือคอยซุ่มยิงพวกเราที่วิ่งลงในที่ต่ำกว่าพวกมันแน่ๆ จึงวิ่งไปด้วยความระมัดระวัง ต่างกับอาจารย์สุชาติซึ่งวิ่งโดยไม่ต้องกลัวเกรงอะไรเลย และวิ่งไปข้างล่างบนพื้นทรายห่างจากสะพานประมาณ ๑๐๐ เมตรเศษจึง ขึ้นบนถนน ส่วนข้าพเจ้าพอวิ่งเลยสะพานมาสักหน่อยก็รีบวิ่งขึ้นบนถนนทันที เพราะวิ่งงได้เร็วกว่าข้างล่างและปลอดภัยกว่าข้างล่าง ส่วนศิษย์ ๓ ๔ คนนั้นรวมทั้งพล ตชด. อีก ๒ คนวิ่งตามอาจารย์สุชาติลงไปข้างล่าง ข้าพเจ้าจึงวิ่งไปทันอาจารย์สุชาติ เอาตอนที่ท่านขึ้นบนถนนพอดี เมื่อท่านขึ้นมาบนถนน ข้าพเจ้าเห็นท่านเอาคทาชี้ไปยังต้นไม้ในป่าข้างทาง ข้าพเจ้ามองตามไปที่ชี้ เห็นคน ๔ คน อยู่บนห้างไม้ที่ทำขึ้น ๒ ชั้น ชั้นบนมี ๒ คน ชั้นล่าง ๒ คน ห่างกันประมาณ ๒๐ เมตร

เมื่อไม้คทาชี้ไปนั้นเห็นพวกเขากำลังลงจากห้างพอดี ตชด. ทั้ง ๒ ชักปืนจะยิง อาจารย์สุชาติโบกมือห้ามไว้ไม่ให้ยิง ก็ได้รับคำตอบว่า เพราะเราเป็นคณะธรรมทูต ตชด. ๒ คนนั้นบอกว่าเคยเห็นจำได้ว่าเป็นคนพื้นบ้านนี้ เรายืนรออยู่ที่นั่นจนพวกที่ลงจากรถ ตลอดจนรถแล่นตามมาบนพื้นทรายข้างถนน จนสามารถหาทางลาดต่ำพอจะขึ้นมาบนถนนได้ ก่อนถึงตำบลที่พวกเรายืนคอยอยู่ ข้าพเจ้าก็เลยชี้ให้คณะที่ตามมา ดูที่ ผกค. ๔ คนเคยอยู่ที่ห้างนั้น และขณะนี้หนีเข้าป่าไปแล้ว รถและคนที่เดินมาปลอดภัยทุกคนไม่มีอันตรายอย่างใด

เมื่อทุกคนขึ้นรถเสร็จแล้ว คณะธรรมทูตก็เดินทางกันต่อไป จนจบโปรแกรมการเยี่ยมเยียนของคณะในวันนั้น ตอนกลับก่อนจะถึง จ.อุบลราชธานี ตชด. ๒ คนที่มาจากหน่วย ตชด.๓๔๒ ได้ขอลงรถที่นั่น เพราะมีรถของพวกเดียวกันโดยสารกลับหน่วยพอดี ข้าพเจ้าได้สอบถามชื่อของเขาทั้งสอง ชื่อ พลฯประจวบ และพลฯทวีศักดิ์

ตอนขากลับรู้สึกว่าหน้าตาของ ตชด. ทั้งสองแช่มชื่นกว่าตอนขาขึ้นรถครั้งแรกมากทีเดียว และรู้สึกมีความเชื่อมั่นในคณะธรรมทูต ตลอดจนหัวหน้าคณะธรรมทูตมาก เข้าใจว่าเขาคงไปเล่าเหตุการณ์ให้เพื่อนฝูงในหน่วย ตชด.๓๔๒ ฟังเป็นแน่

สำหรับข้าพเจ้าในตอนที่อ่านหนังสือบรรยายเหตุการณ์ไปแจกผ้ายันต์ครั้งก่อนๆนั้น อยู่ในระหว่างเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งแต่ในบัดนี้ข้าพเจ้ามีความมั่นใจในสิ่งศักดิ์สิทธิ์นี้จริงๆ ว่าท่านผู้ศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวพระนามของท่านมาแล้วในตอนต้นนั้น ท่านช่วยคุ้มครองได้จริงๆ

และความแน่ใจของข้าพเจ้ายิ่งเพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ เมื่อเช้าวันที่ ๙ มี.ค. ๒๑ หลังจากตื่นนอนและหาอาหารเช้ารับประทานในเมืองนั้น พบหนังสือพิมพ์ ๒ ๓ ฉบับที่ลงข่าวเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่ อ.นาจะหลวย ซึ่งข้าพเจ้าขอนำมาลงไว้เพื่อเป็นหลักฐานสัก ๑ ฉบับ

หนังสือพิมพ์ดาวสยาม ปีที่ ๔ ฉบับที่ ๑๑๐๕ วันพฤหัสบดีที่ ๙ มีนาคม ๒๕๒๑ หน้าแรก คอลัมน์ขวาด้านล่างสุดดังนี้

ผกค. วินาศกรรม ระเบิดสะพานพังพินาศ ชาวบ้านเจ็บนับสิบ

ผู้ก่อการร้ายก่อกวนก่อวินาศกรรม ระเบิดสะพานเข้าอำเภอพังพินาศ ทำให้การคมนาคมทางรถยนต์หยุดชะงัก และยังวางกับระเบิดไว้ตรงคอสะพาน ชาวบ้านยกโขยงกลับจากเที่ยวงานศพไม่รู้อิโหน่อิเหน่จะเดินข้าม เคราะห์ร้ายเหยียบกับระเบิด แขนขาขาดกระเด็น บาดเจ็บทั้งสาหัสและไม่สาหัสนับสิบ

ผู้สื่อข่าวดาวสยามจังหวัดอุบลฯรายงานมาว่า เมื่อเวลาประมาณ ๒๐.๓๐ น.คืนวันที่ ๖ เดือนนี้ ผู้ก่อการร้ายไม่ทราบจำนวนได้บุกเข้าก่อวินาศกรรม วางระเบิดสะพานลำห้วยคู่ บ้านแก้งเรือง ต.นาจะหลวย อ.นาจะหลวย จ.อุบลญ ซึ่งเป็นสะพานไม้ยาว ๒๐ เมตรเข้าตัวเมืองนาจะหลวยทำให้สะพานดังกล่าวพังเสียหายขาดเป็นท่อนๆใช้การไม่ได้ทำให้การคมนาคม ทางรถยนต์ต้องหยุดชะงักลงทันที นอกจากนี้ผู้ก่อการร้ายได้วางกับระเบิดไว้บริเวณคอสะพานเพื่อทำร้ายชาวบ้านที่สัญจรไปมา เพราะถึงแม้สะพานจะเสียหาย แต่ก็ยังพอมีทางพอสำหรับชาวบ้านเดินไปมาได้สะดวก

ต่อมาในเช้าวันรุ่งขึ้น(๗ มี.ค.) เวลา ๗.๐๐ น. ได้มีราษฎรบ้านโคกน้อยและบ้านโคกใหญ่กลุ่มหนึ่งประมาณ ๒๐ กว่าคน กลับจากไปดูหมอลำหมู่ ในงานศพที่บ้านนายทา สีสัน ในเขตบ้านแก้งเรือง โดยนั่งรถโดยสารกลับมา ต่อมาถึงสะพานดังกล่าว รถยนต์ไม่สามารถข้ามไปได้จำเป็นต้องลงเดินข้ามกันเอง ปรากฏว่าได้เหยียบกับระเบิดที่ผู้ก่อการร้ายวางไว้ เป็นเหตุให้ราษฎรแขนขาขาดกระเด็น บาดเจ็บสาหัสปางตาย ๔ คน มีนายเถือน คำเม้ค อายุ ๓๖ ปี นายพร พลเทพ อายุ ๓๙ ปี นายทูล จันทริษา และ ด.ช.ฟอน สีนวล นอกนั้นได้รับบาดเจ็บจากสะเก็ดระเบิดไปตามๆกันอีกกว่า ๑ๆ คน

หลังจากเกิดเหตุ ร.ต.อ.ชาลี มัชแมน สวส.สภ. อ.นาจะหลวย พร้อมด้วยนายสิบพลตำรวจรุดไปสอบสวนยังที่เกิดเหตุ นำผู้บาดเจ็บส่งสถานีอนามัยนาจะหลวย แล้ววิทยุรายงานให้ นายประมูล จันทรจำนง ผวจ. จ.อุบลฯ กับ พ.ต.อ.อุดม อมรชัย ผกก.ฯ ทราบเหตุ ซึ่งต่อมา นายประมูล จันทรจำนง ผวจ. ได้สั่งการให้ พ.ต.อ.มีชัย นุกูลกิจ ผกก.ตชด. เขต ๓ อุบลฯ นำเฮลิคอปเตอร์ไปลำเลียงผู้บาดเจ็บทั้งหมดส่งโรงพยาบาลประจำจังหวัดอุบลฯอย่างไรก็ตามได้ส่งกำลังตำรวจจำนวนหนึ่งออกติดตามกลุ่มผู้ก่อการร้ายที่ก่อวินาศกรรม วางระเบิดสะพานกลุ่มนี้ไปอย่างกระชั้นชิดแล้ว..

นี่เป็นข้อความทั้งหมดใน นสพ.ฉบับนั้น เหตุการณ์ตาม นสพ.ดังกล่าวนี้ คณะธรรมทูตยังไม่ได้รับทราบจากผู้ใดเลยในวันที่ ๘ มี.ค.๒๑ รู้แต่เพียงว่าสะพานระเบิด ไปไม่ได้เท่านั้น เมื่อหัวหน้าคณะธรรมทูตตกลงใจเดินทางต่อไป โดยไม่หวาดหวั่นต่อภยันตรายใดๆดังกล่าวแล้ว และปรากฏว่าพบผู้ก่อการร้ายจริงๆ ๔ คน โดยทีแรกไม่เห็นตัวเลย จนพวกเราสามารถเห็นตัวได้ชัดจริงๆ พวกเราปลอดภัยหมดทุกคน ตามความเป็นจริงเช่นนี้ ก็ขอมอบความคิดต่อไปให้ท่านทั้งหลายได้พิจารณาเองก็แล้วกันว่า สิ่งศักดิ์สิทธิ์ดังกล่าวแล้วมีจริงหรือไม่ และควรจะเชื่อถือได้เพียงใด และน่าจะค้นคว้าหรือพิสูจน์เพียงใด ขอมอบไว้ให้ท่านผู้อ่านช่วยคิดด้วยนะครับ

สวัสดี

พลตรี ประสิทธิ์ ชื่นบุญ

อดีต เจ้ากรมการทหารสื่อสาร(กองทัพบก)

อดีต ผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์กองทัพบก

ข้อมูลอ้างอิง  : เกหลง พานิช  มันสมองของโลกที่ถูกมองข้าม สำนักปู่สวรรค์