E-book สวรรค์รำลึก

รำลึกศึกษา

ศึกษาประวัติของหุบผาสวรรค์เมืองศาสนาในอดีต

ร้านหนังสือสวรรค์รำลึก

เยี่ยมชมเรา

สื่อมงคลสำนักปู่สวรรค์

สิ่งดีที่ฝากไว้ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ความรู้ทางวิญญาณ จากการศึกษาของ ศาสตราจารย์ ดร.คลุ้ม วัชโรบล

ภาพยนต์รำลึก

ชมภาพยนต์ประวัติศาสตร์และสื่อเพื่อการศึกษาค้นคว้า

หลวงปู่-พรพระโพธิสัตว์

หลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด

พรของพระโพธิสัตว์

เจริญพร

คณะกรรมการ สานุศิษย์ สาธุชน พุทธบริษัท ทั้งหลาย

ท่านทั้งหลายได้มาและพร้อมใจกันจัดพิธีบูชาครูในวันนี้เป็นการแสดงถึงการรู้คุณกตัญญูกตเวทีคารวะต่อผู้มีคุณ นับว่าเป็นมนุษย์ที่ประเสริฐ สำหรับวันนี้ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชา เป็นวันที่องค์สัมมาสัมพุทธเจ้าของเราได้ประสูติ ณ แผ่นดินชมพูทวีป คือที่ ลุมพินีวัน ได้ตรัสรู้ที่พุทธคยาซึ่งตั้งอยู่ที่ริมแม่น้ำเนรัญชรา และได้ปรินิพพานที่เมืองกุสินารา เรียกว่าเกิดอยู่ที่ดิน ตรัสรู้ก็นั่งอยู่ที่ดิน ปรินิพพานก็จมลงที่ดิน นับเป็นวันมหัศจรรย์ของพุทธศาสนาที่มีบรมครูได้ทิ้งสัจจะทิ้งธรรมะให้พวกเราที่เป็นพุทธบริษัทได้สืบต่อกันมาจนถึงบัดนี้ นับเป็นเวลาในโลกมนุษย์สองพันกว่าปี

ในภาวะแห่งความยุ่งเหยิงของโลกมนุษย์ ในภาวะแห่งความวุ่นวายของโลกมนุษย์ ทำให้โลกวิญญาณได้ตั้งสำนักปู่สวรรค์ขึ้นในโลกมนุษย์ในวัน       วิสาขบูชานี้ เพื่อให้มนุษย์ได้จำกันง่ายว่า วันนี้เป็นวันสำคัญของพระพุทธศาสนา และก็เป็นวันที่ได้กำเนิดสำนักปู่สวรรค์ขึ้นมาในโลกมนุษย์ ซึ่งตลอดเวลา ๑๓ ปีที่ผ่านมานี้ ถ้านับโลกวิญญาณก็เพียง ๑๓ วัน ในการก้าวงานทั้งหลาย ถ้าเราคิดในลักษณะแห่งการทำงานทั่วไป นับเป็นสิ่งที่น่าภูมิใจ น่าพอใจ น่ายินดี ในผลงานที่ได้ผ่านมา แต่ในภาวะ ในวิบากในยุคนี้ สำนักซึ่งเกิดมาในท่ามกลางทิฐิ ๙๙ หนักยิ่งกว่าสมัยองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าประกาศพุทธศาสนาในชมพูทวีป เพราะพระองค์เพียงแต่เกิดขึ้นในท่ามกลางทิฐิ ๖๒ เท่านั้น

อย่างไรก็ดีเราก็ได้ยึดถือมั่นคงร่วมจิตร่วมใจร่วมกายทุกอย่าง ทำงานเจริญมาด้วยกัน แต่ท่านทั้งหลาย เราเป็นมนุษย์ เราเป็นปุถุชน เราย่อมที่จะต้องมีอารมณ์แห่งความพอใจ ไม่พอใจ ความโสมนัส ความโทมนัส นั่นเป็นอารมณ์ของมนุษย์ ในสภาวะทั้งหลายทุกคนที่เป็นพุทธบริษัทย่อมเข้าถึงพุทธศาสนาในกฎแห่งอนิจจัง อนัตตา ในกฎแห่งการเกิดดับ  ในกฎแห่งการเกิด แก่ เจ็บ ตาย เป็นสิ่งธรรมดา

ทีนี้ในสภาวะท่านทั้งหลายเป็นมนุษย์ ท่านบอกว่าท่านได้มีการผิดพลาด ท่านต้องเข้าใจว่า ในการทำงานทุกอย่างผู้ที่ไม่เคยทำผิดแสดงว่าผู้นั้นไม่เคยทำงาน แต่เราจะทำอย่างไรจึงให้มันผิดน้อยที่สุด  ภาษาของนักปราชญ์เขามีคำหนึ่งว่า     จงรับความจริงและอภัยให้กับผิดพลาดที่ผ่านไป ทีนี้ในการที่เราเกิดมา ชีวิตแห่งการเกิดนั้นง่าย ชีวิตแห่งการตายนั้นก็ง่าย แต่ชีวิตแห่งการอยู่นั้นซิยาก เราจะทำอย่างไรจึงจะอยู่ได้อย่างสบาย ในภาวะแห่งการอยู่ที่จะอยู่อย่างสบายนั้น เราต้องอยู่กันอย่างไม่ยึด อยู่กันอย่างไม่ยินดีอยู่กันอย่างไม่ยินร้าย อยู่กันอย่างพยายามให้จิตวิญญาณของนามธรรมนั้นเหนืออารมณ์  เหนือความโกธร เหนือความหลง เหนือความสรรเสริญ เหนือการนินทา เหนือความสำเร็จ เหนือความไม่สำเร็จ เหนือความรัก เหนือความชัง

ทีนี้เราจะอยู่อย่างอารมณ์เช่นนี้ได้นั้นจะทำอย่างไร ก็คืออยู่อย่างมีธรรมารมณ์ของเราเอง การอยู่อย่างมีธรรมารมณ์ของเราเองนั้นคืออยู่อย่างรู้หน้าที่การเป็นคน และรู้หน้าที่ในการทำงาน คือรู้ว่าสิ่งที่เราทำนั้นเป็นสิ่งที่เราจะต้องทำไม่ใช่ทำเพื่อหวังผลตอบแทน ทำเพื่อหวังผลประโยชน์ ทำเพื่อหวังลาภสักการะ ถ้าเราทำงานที่มีความหวังเพื่อหวังผลต่างๆ แล้ว ถ้าสิ่งที่เราหวังนั้นไม่สัมฤทธิผลตามความหวังนั้นเราก็ย่อมเกิดความโทมนัส เกิดความเสียใจ เกิดความน้อยใจ เกิดความเวทนา แต่ถ้าเราอยู่อย่างมีชีวิตที่ว่า เกิดเพราะกรรม อยู่เพราะกรรม ทำเพราะกรรม ตายเพราะกรรมแล้ว ชีวิตการเป็นมนุษย์ย่อมที่จะมีความภิรมย์ มีความรื่นเริง

การมีชีวิตอยู่นั้นเราจะอยู่อย่างเพื่อเงินตราหรือ อยู่อย่างเพื่อชื่อเสียงหรือ อยู่เพื่อเกียรติยศหรือ อยู่อย่างเพื่อวัตถุหรือ ถ้าเราอยู่อย่างที่กล่าวมาแล้ว ก็เท่ากับเราไม่มีการเป็นตัวของเราเอง  คืออยู่อย่างเอาตัวเอาชีวิตจิตวิญญาณแห่งการเกิดนั้นมาฝากอยู่กับสิ่งสมมุติ ฝากอยู่กับเงินที่มนุษย์สมมุติขึ้นมาใช้ ฝากอยู่กับชื่อเสียงที่ไม่มีตัวตน ฝากอยู่กับยศถาบรรดาศักดิ์ที่โกหกตั้งขึ้นมา ฝากอยู่กับวัตถุที่ไม่จีรังที่ต้องสลาย นั้นย่อมเป็นการอยู่อย่างงมงาย อยู่อย่างโง่เขลา

แต่ถ้าเราจะใช้ชีวิตอยู่อย่างมีความสุข อยู่อย่างมีความเป็นมนุษย์ ภาษาปักษ์ใต้ เรียกว่าต้องอยู่อย่างแลตน แลตนนั้นแหล่คือการอยู่อย่างแท้จริง  ความเงียบมีสัจจะ ความเงียบมีธรรมะ ความแลตนย่อมที่จะรู้การบกพร่องตนได้ เปรียบเสมือนหนึ่งชีวิตเราเดินไปข้างหน้า ตัวเราย่อมมองไม่เห็นข้างหลังตัวเราเอง ต่อเมื่อมีคนอื่นมองหลังเราตามมาและอธิบายถึง ตัวเราจึงรู้ว่าเป็นอย่างไร

ฉะนั้นการที่จะมีชีวิตอยู่นั้นต้องอยู่อย่างมีความหวัง คือเราต้องถือว่าอยู่อย่างมีประโยชน์  อยู่อย่างให้กับคนอื่นคิดถึงด้วยความบริสุทธิ์ อยู่อย่างมีหน้าที่ที่เราเกิดมาต้องทำ เพราะเราเป็นคน ฉะนั้นในการที่ท่านทั้งหลายร่วมกับอาตมาทำงานมานั้น ทำบ้างไม่ทำบ้าง ถูกบ้างผิดบ้างนั้น เทพพรหมย่อมมีอภัยทานเป็นหลัก คนเรานั้นถ้าจะเป็นคนดีต้องหัดมีความเมตตาเป็นหลัก มีความกรุณาเป็นสรณะ มีความอภัยเป็นจิตใจ เพราะจิตใจเราถ้ามีอภัยต่อกันและกันแล้ว จิตใจนั้นเป็นจิตที่มีความสุขยิ่ง เพราะเราอยู่อย่างไม่มีความอาฆาต อยู่อย่างมีความเมตตา อารมณ์แห่งความเมตตาของจิตนั้นแหล่จะทำให้ในอารมณ์ของเราเกิดปีติอย่างดีตลอดเวลา

ในเมื่อท่านทั้งหลายก็อุตส่าห์สมัครตนมาเป็นสานุศิษย์ของสำนักปู่สวรรค์ มาสมัครเป็นสาวกของอาตมา ก็ขอให้ท่าน ต้องอยู่อย่างอารมณ์แห่งการเป็นพระโพธิสัตว์ คือมีอารมณ์แห่งการให้ มีอารมณ์แห่งการอภัย มีอารมณ์แห่งความไม่ยึด มีอารมณ์แห่งความนิ่งเฉย อารมณ์แห่งการที่จะต้องยอมรับทุกสิ่งทุกอย่างในกฎของอนิจจัง อนัตตา

ฉะนั้นในวันนี้ท่านทั้งหลายก็อุตส่าห์มากันมาก และท่านที่ไม่ได้มาก็ส่งกระแสจิตมาก็ดี ก็ขออนุโมทนาในการที่ท่านทั้งหลายได้อุตส่าห์วิริยะอุตสาหะคิดถึง การคิดถึงคือการส่งอารมณ์ถึงกัน ย่อมที่จะได้รับการกระทบ เช่น เราเป็นมิตรเขาย่อมเป็นมิตรตอบเพราะทุกคนย่อมมีจิตใจที่ส่งถึงกันและท่านทั้งหลายยังได้ช่วยบำเพ็ญอีกอารมณ์หนึ่ง คือท่านได้ร่วมบำเพ็ญอธิษฐานบารมี เพื่อให้โลกเกิดสันติ เพื่อให้มนุษย์อยู่เย็นเป็นสุข เพื่อให้ประเทศไทยเป็นเอกราช ซึ่งเป็นอารมณ์ที่ดีมาก เพราะว่าการอธิษฐานนั้นเป็นการตั้งสัจจะเพื่อแผ่เมตตาให้กับสัตวโลก จิตแห่งการอธิษฐานนี้นับว่าเป็นจิตที่สูง คือท่านได้พยายามปรับจิตวิญญาณของท่านให้เป็นผู้ให้ ไม่ใช่เป็นผู้ขอและไม่ใช่เป็นผู้ยึด เพราะฉะนั้นอาตมาจึงหวังว่า ถ้าท่านทั้งหลายร่วมกันอธิษฐานและพยายามปฏิบัติจิตวิญญาณให้อธิษฐานเรื่อยๆ นั้น เท่ากับท่านได้ทำงานสำคัญของการเป็นมนุษย์ที่ดีคือ

๑.       ท่านได้พยายามฝึกจิตวิญญาณของท่านให้มีเมตตาต่อสัตวโลก

๒.       ฝึกให้ใจท่านนั้นไม่เป็นคนคับแคบ

๓.       ฝึกให้ตนเป็นผู้เสียสละ

เพราะฉะนั้นธรรมารมณ์แห่งการอธิษฐานนี้แหละเป็นธรรมารมณ์ของพระโพธิสัตว์ที่สรรเสริญมนุษย์  ว่ามนุษย์ผู้นั้นเริ่มมีอารมณ์แห่งการเป็นพระโพธิสัตว์ และท่านทั้งหลายก็ขอพร อาตมาก็ขอบอกท่านว่าพรที่ดีที่สุดก็คือการให้  ให้ทุกอย่างแก่สัตว์โลก ให้ทุกอย่างแก่เพื่อนมนุษย์ ให้ทุกอย่างแก่ประเทศชาติที่ท่านอยู่ ให้ทุกอย่างแก่สังคมที่ท่านเกี่ยวข้อง ให้ทุกอย่างกับหมู่คณะที่ท่านมีกิจส่วนร่วม นั้นคือพรอันสูงสุด

          ฉะนั้นเราก็ขอให้ท่านจงมีพรอันนี้ประจำใจ     สำหรับท่านที่จะขอให้พลานามัยสุขภาพแข็งแรงนั้น  เราก็ขอให้ท่านได้พรนี้ด้วยพลังจิตบารมีที่เราสะสมมา แต่ขอให้ท่านตั้งจิตรับรังสีที่เราแผ่ให้ สุขภาพท่านก็จะแข็งแรง และให้ท่านดับอารมณ์แห่งความโลภ โกธร หลง ให้หมดจากจิตใจ พลานามัยก็สมบูรณ์ยิ่งขึ้น สำหรับท่านที่นั่งตั้งจิตอธิษฐานว่าขอให้ท่านร่ำรวยนั้น เราอยากจะให้ท่านรวยน้ำใจ ไม่ใช่รวยทรัพย์ รวยวัตถุ เพราะการรวยทรัพย์ รวยวัตถุย่อมไม่สามารถที่จะนำจิตวิญญาณของท่านขึ้นสูงไปถึงพระนิพพาน ฉะนั้นสิ่งทั้งหลายที่ท่านขอเราก็ให้ตามที่ท่านขอ แต่ให้ด้วยหลักระเบียบและให้แบบอารมณ์พระโพธิสัตว์

                                                                             เจริญพร

(โอวาทในพิธีบูชาครูของสำนักปู่สวรรค์ วันวิสาขบูชาวันที่  ๒๑ พฤษภาคม พ.ศ.๒๕๒๑)

Contribute!
Books!
Shop!